รังสีเทคนิค (Radiological Technology)
กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
กายภาพบำบัด (อังกฤษ: physical therapy หรือ physiotherapy) เป็นวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน รักษา และจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติ ที่เกิดขึ้นจากสภาพและภาวะของโรค ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต
กายภาพบำบัด จะกระทำโดย นักกายกายภาพบำบัด (Physical therapist หรือ Physiotherapist หรือย่อว่า PT) หรือผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด (Physical Therapy Assistant) ภายใต้การดูแลและแนวทางของนักกายภาพบำบัด [1] อย่างไรก็ตาม ได้มีการใช้การรักษาทางกายภาพบำบัดบางอย่างโดยผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพอื่นๆ เช่น ไคโรแพรคเตอร์ , แพทย์ทางด้านการจัดกระดูก และโปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัด ยังเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสาธารณสุขอื่นๆอีกด้วย[2]
นักกายภาพบำบัด จะใช้ประวัติทางการรักษา และข้อมูลจากการตรวจร่างกาย เพื่อประกอบการให้การบำบัด ถ้าหากว่าจำเป็น นักกายภาพบำบัดอาจจะใช้ผลจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และการศึกษาภาพถ่ายทางรังสีประกอบการบำบัดรักษาด้วย เป็นต้น [3]
นักกายภาพบำบัด ปฏิบัติงานในหลายลักษณะงาน เช่น ในส่วนของผู้ป่วยนอก คลินิค หรือสำนักงาน, แผนกผู้ป่วยใน เกี่ยวกับเวชกรรมฟื้นฟู, ผู้ป่วยที่ทำการฟื้นฟูอยู่บ้าน, วงการการศึกษา หรือศูนย์วิจัย, โรงเรียน, สถานพักฟื้น,โรงงานอุตสาหกรรม,ศูนย์ฟิตเนส และ สถานการฝึกสอนนักกีฬา [4]
แพทย์อย่างเช่น ฮิปโปกราเตส และ เฮกเตอร์ เป็นผู้ที่ซึ่งเชื่อว่า เป็นบุคคลกลุ่มแรกที่ริเริ่มการรักษาทางกายภาพบำบัดในสมัยโบราณ ได้นำการรักษาโดยการนวดและการทำธาราบำบัด มาใช้รักษาผู้ป่วย ตั้งแต่ 460 ปีก่อนคริสตกาล [5] หลักฐานในสมัยแรกสุดที่ถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับกายภาพบำบัดจัดว่า กายภาพบำบัด คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปในปี 1894 เมื่อพยาบาลสี่คนในอังกฤษ รวมตัวกันเพื่อจัดตั้ง ชมรมผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด [6] ประเทศอื่นๆ ก็ได้ดำเนินการเช่นกันและเริ่มมีการทำหลักสูตรการสอนที่เป็นระบบ เช่นเมื่อปี 1913 ได้มีโรงเรียนกายภาพบำบัด ที่มหาวิทยาลัยโอทาโก ในนิวซีแลนด์[7], และในสหรัฐอเมริกา ในปี 1914 ที่ Reed College ในพอร์ทแลนด์ รัฐ ออริกอน [8]
งานวิจัยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพบำบัด งานวิจัยทางกายภาพบำบัดฉบับแรก ถูกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อ เดือนมีนาคม ปี 1921 ใน The PT Review ในปีเดียวกันนั้น แมรี่ แมคมิลลาน ได้ก่อตั้ง สมาคมกายภาพบำบัด (ปัจจุบันคือ สมาคมกายภาพบำบัดแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ APTA) ในปี 1924 มูลนิธิ Georgia Warm Spring ได้สนับสนุนองค์กรนี้ โดยกล่าวว่า กายภาพบำบัดคือการรักษาสำหรับโรคโปลิโอ [9]
การรักษา ในช่วงทศวรรษที่ 1940 มีหลักที่ประกอบไปด้วย การออกกำลัง การนวด และการดึง ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1950 วิธีการใช้มือกดหรือทำการเคลื่อนไหวโดยตรง (Manipulation) ลงบนกระดูกสันหลัง และข้อต่อของกระดูกระยางค์ ได้ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศเครือจักรภพอังกฤษ[10][11] ในช่วง 10 ปีหลังจากนั้น นักกายภาพบำบัด ได้เริ่มมีบทบาทในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยนอก ในส่วนของคลินิคผู้ป่วยทางออโธปิดิกส์, โรงเรียนรัฐบาล, วิทยาลัย/มหาวิทยาลัย, การดูแลผู้สูงวัย, ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู, โรงพยาบาล, และศูนย์การแพทย์
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสำหรับกายภาพบำบัดในสหรัฐอเมริกา เริ่มขึ้นในปี 1974 ในสาขาของ ออร์โธปิดิกส์ หน่วยงานใน APTA ก็ได้รวมตัวเพื่อนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่อง ออร์โธปิดิกส์ ในปีเดียวกัน ได้เกิด สหพันธ์ออร์โธปิดิกส์หัตถการนานาชาติ (the International Federation of Orthopedic Manipulative Therapy) ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับ หัตถการขั้นสูงนับตั้งแต่นั้นมา [12] ในช่วงทศวรรษที่ 1980 เกิดการตื่นตัวทางทางด้านเทคโนโลยีและ คอมพิวเตอร์ ทำให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆมากขึ้นสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ จากผลของความก้าวหน้านี้ ก่อให้เกิดเครื่องมือการรักษาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องกำเนิดคลื่นเหนือเสียง หรือ Ultrasound, เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า, เครื่องผลักประจุไฟฟ้า iontophoresis, และล่าสุดคือ การรักษาด้วยเลเซอร์เย็น ซึ่งผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยา ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2002 [13]
ปัจจุบันในประเทศไทย นักกายภาพบำบัดสามารถใช้คำนำหน้านามว่า กภ. นำหน้าชื่อสกุลได้
เพราะว่าองค์ความรู้ทางด้านกายภาพบำบัดนั้น ค่อนข้างกว้าง นักกายภาพบำบัดบางคนจึงต้องศึกษาเพิ่มเติมในขอบเขตที่ลึกลงไป ในขณะที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทางกายภาพบำบัดให้ศึกษาหลากหลาย ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางที่เป็นที่รู้จักดังนี้
ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiopulmonary) นักกายภาพบำบัดในระบบหลอดเลือดหัวใจและปอด จะรักษาผู้ป่วยทั้งหลาย ที่มีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือ ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจและปอด เป้าหมายหลัก และการทำหัตถการต่อผู้ป่วย ในส่วนนี้ (รวมไปถึงการเพิ่มความทนทานของการทำงาน และการใช้ชีวิตได้โดยอิสระของผู้ป่วย) คือ เพื่อระบายของเสียออกจากปอด ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยที่เป็น Cystic fibrosis หรือ ผังผืดที่ถุงลม (โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากมีเสมหะเหนียวแห้ง), ผู้ป่วยที่มีความผิดปรกติที่ระบบหัวใจ รวมถึง หัวใจวาย, ผู้ป่วยหลังทำการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินหลอดเลือดหัวใจ (CABG) หรือ Bypass, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD, Pulmonary fibrosis หรือ พังผืดเกาะในปอด คือตัวอย่างส่วนหนึ่ง สำหรับผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัดระบบหัวใจและหลอดเลือด
ผู้สูงวัย (Geriatric) กายภาพบำบัดในผู้สูงวัย (Geriatric) ครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขวาง เกี่ยวข้องกับคนในทุกช่วงอายุ แต่มักจะเน้นไปที่ผู้สูงวัย ซึ่งมีหลากหลายสภาวะที่เกิดเมื่อคนก้าวเข้าสู่วัยชรา ตัวอย่างเช่น โรคข้ออักเสบ ภาวะกระดูกบาง มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ การเปลี่ยนข้อสะโพก และข้อต่ออื่นๆ ภาวะการสูญเสียการทรงตัว การกลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่อยู่ เป็นต้น กายภาพบำบัดในผู้สูงวัย จะช่วยผู้ป่วยในภาวะที่กล่าวมา เช่น การให้โปรแกรมพิเศษที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น ลดอาการปวด และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย
ระบบประสาท (Neurological) กายภาพบำบัดทางด้านระบบประสาท จะดูแลเฉพาะเจาะจงลงไปในผู้ป่วยแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่มีภาวะโรค หรือ ความผิดปรกติทางระบบประสาท ทั้งหมดนี้รวมถึง โรคอัลไซเมอร์, โรคที่สมองได้รับการกระทบกระเทือน,โรคสมองพิการแต่กำเนิด, มัลติเพิล สเคอร์โรซิส (โรคที่เกิดกับระบบประสาทส่วนกลาง แล้วส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง), โรคพาร์กินสัน, การบาดเจ็บของเส้นประสาทหลัง, Stroke ปัญหาหลักๆของผู้ป่วยที่มีภาวะโรคเกี่ยวกับระบบประสาท รวมทั้ง ภาวะอ่อนแรง (Paralysis) คือ การสูญเสียรูปแบบการทำงานที่เคยทำเองได้ นักกายภาพบำบัดที่ทำการรักษา จะทำการเพิ่มพัฒนาการในส่วนที่เสียไป
ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedic) นักกายภาพบำบัดระบบกล้ามเนื้อกระดูก หรือนักกายภาพบำบัดออโธปิดิกส์ จะทำการวินิจฉัย จัดการรักษา ภาวะที่เกิดความผิดปรกติ หรือบาดเจ็บในส่วนของระบบกล้ามเนื้อกระดูก รวมไปถึงการฟื้นฟูในผู้ป่วย ภายหลังการทำศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ นักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญด้านนี้ มักจะปฏิบัติงานที่ คลินิคผู้ป่วยนอก และทำการรักษาผู้ป่วยหลังผ่าตัดข้อ,การบาดเจ็บเฉียบพลันจากกีฬา, ข้อเสื่อม, ผู้ที่ทำการตัดแขนขา, การขยับ หรือเคลื่อนข้อต่อ, การฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแรง, ประคบร้อน/เย็น, กระตุ้นไฟฟ้า (เช่น ความเย็นรักษา, ไอออนโตโฟเรซีส, ไฟฟ้าวินิจฉัยและรักษา[14]) นอกจากนั้น การรักษาฉุกเฉินทางกายภาพบำบัดยังใช้ ภาพสะท้อนจากเสียง (เช่น Ultrasound) เพื่อช่วยประกอบแนวทางในการรักษา เช่นในกรณีของ กล้ามเนื้อหดตัวฉับพลัน [15][16][17][18] ผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บ หรือโรค ที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น จะได้รับการตรวจรักษาโดยนักกายภาพบำบัดทางออโธปิดิกส์
ผู้ป่วยเด็ก (Pediatric) กายภาพบำบัดในผู้ป่วยเด็ก ช่วยการตรวจหาปัญหาสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และใช้รูปแบบที่กว้างและหลากหลายในการรักษความผิดปกติในประชากรเด็ก นักกายภาพบำบัดเด็ก จะมีความชำนาญเป็นพิเศษในการวินิจฉัย ให้การรักษา และการจัดการในเด็กทารก เด็ก และวัยรุ่น เกี่ยวกับ ภาวะที่ผิดปกติตั้งแต่กำเนิดทั้งหลาย การพัฒนาการ ระบบกล้ามเนื้อประสาท ระบบกระดูก และภาวะโรคหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลังจากการคลอดแล้ว การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มทักษะเกี่ยวกับการควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และมัดเล็ก การทรงตัวและความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ รวมไปถึงการแปลผลทางการรับรู้ การรับสัมผัส ผู้ป่วยส่วนหนึ่งของนักกายภาพบำบัดในเด็ก คือเด็กที่มีการพัฒนาการล่าช้า, สมองพิการแต่กำเนิด, Spina bifida (ความผิดปกติที่เกิดจากการสร้างหลอดประสาทที่ไม่สมบูรณ์), Torticollis
พื้นฐานชีวกลศาสตร์สำหรับการเคลื่อนไหวของมนุษย์ (Basic Biomechanics for Human Movement)
เภสัชวิทยาพื้นฐานสำหรับกายภาพบำบัด (Phamacology for Physiotherapy)
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic care)
กายวิภาคศาสตร์พื้นฐาน (Fundamental Anatomy)
จุลชีววิทยาทั่วไป (General Microbiology)
ชีวเคมีเบื้องต้น (Fundamental Biochemistry)
อาชีวอนามัยและความปลอดภัยสําหรับโรงพยาบาล
นิติเวชศาสตร์ (Forensic Medicine)
นิติเวชศาสตร์ หมายถึง วิชาแพทย์ที่นำมาใช้หรือเกี่ยวข้องกับงานทางด้านกระบวนการยุติธรรม ในพจนานุกรมกฎหมายของแบลค (Black’s Law Dictionary) ให้ความหมายของคำว่า Forensic Medicine ดังนี้ “That science which teaches the application of medical knowledge to the purpose of law” นั่นหมายความถึงการนำความรู้ทางการแพทย์มาใช้เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของกฎหมาย เช่น การตรวจผู้บาดเจ็บเพื่อให้ความเห็นทางคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิต หรือการตรวจศพหาสาเหตุการตาย อันมาจากเหตุอันไม่เป็นธรรมชาติ เช่น ฆ่า ตัวตาย ถูกฆ่าตาย อุบัติเหตุ ไม่ทราบเหตุ หรือการตายในระหว่างคุมขัง
นิติเวชศาสตร์ อาจถูกเรียกชื่อว่า “ นิติเวชวิทยา ” แปลมาจากคำภาษาอังกฤษว่า forensic medicine (forensic มาจากภาษาละตินว่า forensis หมายความถึง ข้อตกลงที่พิพาททางกฎหมาย ส่วน medicine ในที่นี้หมายถึงวิชาแพทย์ แปลว่า แพทยศาสตร์หรือเวชศาสตร์) นิติเวชศาสตร์เริ่มมีการเรียนการสอนครั้งแรกในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2456 โดยถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการแพทย์ วุฒิประกาศนียบัตรของโรงเรียนแพทย์ สำหรับสอนนักศึกษาแพทย์ในชั้นปีที่ 4 ต่อมามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการเรียนการสอนในชั้นปริญญาตรี แต่ตามกฎเกณฑ์การแปลนั้น คำว่า "วิทยา" จะแปลมาจากคำในภาษาอังกฤษที่ลงท้ายด้วย "logy" เสมอ เช่น ชีววิทยา แปลมาจาก biology สรีรวิทยา มาจาก physiologyจิตวิทยา มาจาก psychology ปาราสิตวิทยา มาจาก parasitology และสังคมวิทยา มาจาก sociology เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้าใช้ "นิติเวชวิทยา" ย่อมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้น และปัจจุบันคำว่า "เวชศาสตร์" ซึ่งแปลมาจากคำว่า "medicine" ก็มีที่ใช้อยู่หลายคำ ได้แก่ เวชศาสตร์การบิน มาจาก avitation medicine เวชศาสตร์อุตสาหกรรม มาจาก industrial medicine เวชศาสตร์ป้องกันมาจาก preventive medicine กีฬาเวชศาสตร์ มาจาก sports medicine เป็นต้น ดังนั้นการแปล forensic medicine เป็นนิติเวชศาสตร์ จึงนับว่าเป็นศัพท์ที่เข้าชุดกันดี นอกจากนี้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ก็ยอมรับคำว่า "นิติเวชศาสตร์" นี้เข้าไว้ด้วยแล้ว
ยังมีศัพท์ภาษาอังกฤษอีกสองคำที่ใช้แทนคำว่า Forensic medicine คือคำว่า medical jurisprudence (jurisprudence แปลว่า กฎหมาย) กับคำว่า legal medicine (legal ก็แปลว่า กฎหมาย) แต่อย่างไรก็ตามคำสุดท้ายดูจะตรงคำแปลที่ใช้ว่า "นิติเวชศาสตร์" มากที่สุด
นิติเวชวิทยา หรือ นิติเวชศาสตร์ (Forensic Medicine) จึงเป็นวิชาแพทย์สาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ซึ่งนำเอาความรู้ของวิชาแพทย์ รวมทั้งวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ไปประยุกต์เพื่อประโยชน์แก่กระบวนการยุติธรรม นำมาอธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาเจริญไปมาก เช่นเดียวกับวิชาแพทย์อื่น ๆและได้แยกออกเป็นวิชาย่อยหลายสาขา คือ
1. นิติพยาธิ (Forensic Pathology) เป็นวิชาที่ศึกษาถึงเรื่องการตายต่าง ๆ ที่ผิดธรรมชาติ รวมทั้งการตายโดยธรรมชาติแบบกะทันหันและไม่คาดคิด ซึ่งเป็นการตายที่ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุ เพื่อแยกว่าไม่ใช่เป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ การตายที่ผิดธรรมชาติในบางครั้งการชันสูตรพลิกศพอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกเหตุตายได้จำต้องทำการผ่าตัดหาเหตุตาย เช่น การตายจากยาบางชนิด เช่น กินยานอนหลับเกินขนาดต้องเอาของเหลวในกระเพาะอาหาร(content) เลือด น้ำปัสสาวะไปตรวจหายาที่เกินขนาดทางพิษวิทยา เป็นต้น การตรวจหาเหตุตายอย่างละเอียดร่วมกับการไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และการซักประวัติสามารถจะบอกพฤติการณ์ที่ตายได้ว่า การตายที่ผิดธรรมชาตินั้นเป็นการตายจากอุบัติเหตุ หรือทำอัตวินิบาตกรรม คือ ฆ่าตัวเองตายหรือถูกฆาตกรรมคือถูกผู้อื่นฆ่าได้ นอกจากนั้นยังสามารถช่วยพนักงานสอบสวนในเรื่องพิสูจน์ตัวบุคคลโดยตรวจศพและชิ้นส่วนของศพ ประมวลเวลาว่าศพที่ตรวจนั้นตายมานานแล้วเท่าไร โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงภายหลังตาย
2. นิติเวชคลินิก (Clinical Jurisprudence or Clinical Forensic Medicine) หรือบางครั้งเรียกว่า ธรรมศาสตร์คลินิก หมายถึง การตรวจผู้ป่วยที่แพทย์ตรวจแล้วต้องให้ความเห็นแก่พนักงานสอบสวนโดยอาศัยจากอาการและการตรวจร่างกาย และสิ่งตรวจพบ วัตถุพยานต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยถูกข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ป่วยได้รับอันตรายเกิดบาดแผลชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจากอุบัติเหตุ ทำตัวเอง หรือถูกทำร้ายจากบุคคลอื่น ผู้ป่วยถูกสารพิษชนิดต่าง ๆ ถูกสารทางกายภาพ เช่น ความร้อน ไฟฟ้า เป็นต้น ได้รับอันตรายจากกลุ่มพวกขาดอากาศ เช่น จมน้ำ แขวนคอ เป็นต้น รวมทั้งบุคคลต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนส่งมาให้แพทย์ทำการตรวจได้ เช่น คนถูกวางยาสลบชนิดต่าง ๆ หญิงถูกข่มขืนกระทำชำเรา ตรวจอายุบุคคลว่าอายุเท่าไร เป็นต้น
นอกจากนั้น ผู้ป่วยที่อาจได้รับค่าชดเชยจากกรมแรงงาน แพทย์ก็จะต้องตรวจผู้ป่วยและให้ความเห็นแก่กรมแรงงานว่าการที่ผู้ป่วยได้รับอันตรายบาดเจ็บ ต้องพิการสูญเสียอวัยวะคิดเป็น กี่เปอร์เซ็นต์เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้บาดเจ็บ
การตรวจผู้ป่วยคดีชนิดต่าง ๆ นี้ การที่แพทย์ให้ความเห็นแก่พนักงานสอบสวนในทางคดีอาญาอาจนำไปใช้ในคดีแพ่งเกี่ยวกับฟ้องร้องในเรื่องละเมิดได้อีกด้วย
การทำพินัยกรรมของผู้ป่วยอาจจะต้องให้แพทย์เป็นพยานเพื่อรับรองว่าขณะทำพินัยกรรมผู้ป่วยมีสติสัมปชัญญะดี ไม่หมดสติ หรือสติฟั่นเฟือน หรือวิกลจริต
3. นิติจิตเวช (Forensic Psychiatry) เป็นหน่วยที่ใช้ความรู้ทางจิตเวช เพื่อตรวจ และดูแลผู้ป่วยทางจิตที่เป็นผู้ต้องหา หรือผู้ต้องขัง ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายมีความสนใจว่า การกระทำใดที่เป็นความผิดนั้นควรเกิดมาจากการกระทำที่มีเจตนา หรือเล็งว่าจะเกิดผลนั้น แต่หากผู้กระทำได้กระทำเรื่องนั้นไปในขณะที่ไม่รู้ตัว ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หรือเกิดจากความหลงผิดที่มาจากความเจ็บป่วยทางจิตแล้ว ถือว่าขาดเจตนาในการกระทำนั้น จึงยังไม่ครบองค์ประกอบของการกระทำผิดตามกฎหมาย แต่ยังควรอยู่ในความดูแลของแพทย์จนกว่าอาการเจ็บป่วยเช่นว่านั้นจะดีขึ้น และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่นอีก ผู้ปฏิบัติจึงเป็นแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
4. นิติทันตกรรม (Forensic Odontology) เป็นวิชาหนึ่งของวิชาทันตแพทย์ในเรื่องของการตรวจฟัน เช่น ตรวจเรื่องอายุ การตรวจเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลโดยเปรียบเทียบกับการบันทึกของฟันขณะที่มีชีวิตอยู่ กับลักษณะฟันของคนตาย โดยเฉพาะในรายเน่ามาก ๆ หรือศพที่พบในกองเพลิง หรือเครื่องบินตกแล้วมีเพลิงลุกไหม้
5. นิติพิษวิทยา (Forensic Toxicology) เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับยาพิษและสารพิษทั้งหลายไม่ว่าจะมาจากสารเคมี จากพืชและจากสัตว์ อาจแยกออกเป็นสาขาต่าง ๆ ดังนี้
- นิติพิษวิทยา (Forensic Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในอวัยวะต่าง ๆ ของคนตาย รวมทั้งจากเลือด น้ำดี น้ำไขสันหลัง และน้ำปัสสาวะ ที่สงสัยว่าจะตายจากสารพิษ และที่ตายจากสารพิษ
- พิษวิทยาคลินิก (Clinical Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในผู้ป่วยที่ถูกสารพิษว่ามีขนาดมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเป็นสารพิษชนิดไหน เพื่อจะได้ให้ยาแก้พิษที่ถูกต้องรวมทั้งการรักษาที่ถูกต้อง
- พิษวิทยาอุตสาหกรรม (Industrial Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในคนงานที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานทำแบตเตอรี่ อาจมีอาการของพิษสารตะกั่ว โรงงานทำถ่านไฟฉาย อาจมีอาการของพิษสารแมงกานีส เป็นต้น
- พิษวิทยาสิ่งแวดล้อม (Environmental Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น อากาศเป็นพิษจากมีแก๊สคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ มาจากท่อไอเสียของรถยนต์ มลภาวะไม่ดีจากโรงงานปล่อยของเสียออกจากโรงงาน ไม่ว่าจากน้ำเสียหรือควันจากการเผาไหม้ ถ้าไม่มีการควบคุมโรงงานให้ดี อาจเกิดพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงงาน
- พิษวิทยาผู้อุปโภค (Consumer Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษในอาหารต่าง ๆ เช่น นมจากแถวประเทศสแกนดิเนเวียมีสารกัมมันตภาพรังสี ที่มีในนมอาจมีปริมาณที่เป็นอันตรายได้ถ้าอุปโภคไปบ่อย ๆ การใช้กรดซัลฟูริคแทนน้ำส้มสายชู นอกจากนั้นยังมีสารพิษชนิดต่าง ๆ อาจปนมาโดยบังเอิญ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ขายก็ไ
- พิษวิทยาอวกาศหรือการสงคราม (Aviations & Chemical Warfare Toxicology) เป็นการตรวจหาสารพิษที่ใช้ในสงคราม เช่น ฝนเหลือง ที่อาจทำอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และพืชพันธุ์ได้ที่เคยมีข่าวแถบชายแดนไทย-เขมรซึ่งเคยมีจรวดตกมาบริเวณชายแดนไทย เอาไปตรวจสอบพบว่ามีแก๊สพิษฟอร์มาลีนและไซยาไนด์
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนิติเวชศาสตร์ (Introduction to Forensic Medicine)
จริยธรรมวิชาชีพแพทย์ (Medical Ethics)
พิษวิทยาเบื้องต้น (Basic Toxicology)
เภสัชวิทยาเบื้องต้น (Fundamental of Pharmacology)
กายวิภาคศาสตร์ทั่วไปสําหรับนิติเวชศาสตร์ (General Anatomy for Forensic Medicine)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้วินิจฉัยโรค
จุลชีววิทยาทั่วไป (General Microbiology)
วิชาเคมีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
บทเรียนวิชาเคมีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
1. ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
การทดลองถือเป็นหัวใจของการศึกษาค้นคว้าทางเคมีที่สามารถนําไปสู่การค้นพบและความรู้ใหม่ ทางเคมี นอกจากนี้การปฏิบัติการทดลองยังสามารถช่วยให้นักเรียนเกิดความรู้และความเข้าใจใน บทเรียนได้ดียิ่งขึ้น การทดลองทางเคมีสําหรับนักเรียนนิยมทําในห้องปฏิบัติการ โดยมีข้อควรปฏิบัติ และควรหลีกเลี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทําปฏิบัติการ การจัดการเกี่ยวกับอุบัติเหตุจาก สารเคมี ความเที่ยงความแม่น หน่วยวัด และวิธีการทางวิทยาศาสตร์
การทำปฏิบัติการเคมีได้อย่างปลอดภัยจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง
Click เข้าสู่บทเรียน ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
Click เข้าสู่แบบทดสอบเพื่อประเมินตนเองพร้อมรับเกียรติบัตร 👉แบบทดสอบความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี
2. โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
อะตอม (Atom) เป็นหน่วยพื้นฐานของสสาร ที่ประกอบด้วยอนุภาคพื้นฐาน 3 ชนิด ได้แก่ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ซึ่งข้อสรุปดังกล่าวเกิดจากการที่นักวิทยาศาสตร์ในอดีตได้พยายามศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอมอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นแนวความคิดและแบบจำลองอะตอมต่าง ๆ มากมายก่อนที่จะนำมาสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับอะตอมในปัจจุบัน
ตารางธาตุ (Periodic Table) คือ ตารางแสดงรายชื่อธาตุและสมบัติบางประการของธาตุ ซึ่งจะจัดเรียงตามลขอะตอม (จำนวนโปรตอนในนิวเคลียส) การจัดเรียงอิเล็กตรอน (electron configuration) และสมบัติของธาตุที่ซ้ำกันหรือคล้ายกัน
Click เข้าสู่บทเรียน โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
Click เข้าสู่แบบทดสอบเพื่อประเมินตนเองพร้อมรับเกียรติบัตร 👉แบบทดสอบโครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
4. พันธะเคมี
5. โมลและสูตรเคมี
6. สารละลาย
7. ปริมาณสัมพันธ์
8. แก๊สและสมบัติของแก๊ส
9. อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
10. สมดุลเคมี
11. กรด-เบส
12. เคมีไฟฟ้า
13. เคมีอินทรีย์
14. พอลิเมอร์
15. เคมีกับการแก้ปัญหา
วิชาฟิสิกส์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
บทเรียนวิชาฟิสิกส์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
*** สามารถคลิกที่ชื่อหัวข้อเพื่อเข้าสู่แบบทดสอบได้เลยค่ะ ***
1. ธรรมชาติและพัฒนาการทางฟิสิกส์
6. โมเมนตัมและการชน
7. การเคลื่อนที่แนวโค้ง
8. การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย
9. คลื่น
10. แสงเชิงคลื่นและแสงเชิงรังสี
11. เสียง
12. ไฟฟ้าสถิต
13. ไฟฟ้ากระแส
14. แม่เหล็กและไฟฟ้า
15. ความร้อนและแก๊ส
16. ของแข็งและของไหล
17. ฟิสิกส์อะตอม
18. ฟิสิกส์นิวเคลียร์และฟิสิกส์อนุภาค
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร (Food Science and Technology)
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร (Food Science and Technology)
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารในการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมอาหารได้ ในปีแรกเป็นการปูพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ให้แน่น เมื่อขึ้นปี 2 ถึง 3 น้องๆ จะได้เรียนรู้และปฏิบัติการ (LAB) ทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้น เช่น ปฏิบัติการเคมีวิเคราะห์ ปฏิบัติการจุลชีววิทยาทั่วไป หลักวิศวกรรมอาหาร และยังมีวิชาเชิงปฏิบัติอย่าง วิชาการจัดบริการอาหารและงานครัว การเตรียมและการประกอบอาหาร
แนวทางการประกอบอาชีพในอนาคต
1. เจ้าหน้าที่ฝ่ายการผลิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายการวางแผนการผลิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมและประกันคุณภาพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสุขาภิบาลและความปลอดภัยอาหารในโรงงานและพนักงานขายผลิตภัณฑ์อาหารหรือสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านอุตสาหกรรมอาหารและ/หรือการบริการอาหารและการจัดการ
2. นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักวิจัยและพัฒนา รวมทั้งเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร ในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร
3. สามารถประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหารหรือธุรกิจการบริการอาหารและการจัดการ
แบบทดสอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
การจัดการเพื่อความปลอดภัยของอาหาร (Food safety management)
การแปรรูปอาหารด้วยความร้อน (Thermal Processing)
โภชนศาสตร์และโภชนบำบัด (Nutrition and Diet Therapy)
หลักการของอาหารโคเชอร์ มาตรฐานอาหารยิว (Kosher Dietary Law)
ภาษาอังกฤษสำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร (English for Food Science and Technology)
การสุขาภิบาลอาหาร (Food Sanitation)
จุลชีววิทยาทั่วไป (General Microbiology)
ชีวเคมีเบื้องต้น (Fundamental Biochemistry)
การพัฒนาตนเอง คุณธรรม จริยธรรม ภาวะผู้นำ จิตอาสา อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยาเสพติด
จิตสาธารณะ (Public Mind)
จิตสาธารณะ (public consciousness หรือ Public mind) หมายถึง จิตสำนึกเพื่อส่วนรวม เพราะคำว่า “สาธารณะ” คือ สิ่งที่มิได้เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด จิตสาธารณะจึงเป็นความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของใน สิ่งที่เป็นสาธารณะ ในสิทธิและหน้าที่ที่จะดูแล และ บำรุงรักษาร่วมกัน
แบบทดสอบเกี่ยวกับจิตสาธารณะ (Public Mind)
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
2. จิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ (The Royal Initiative Volunteers)
3. การบำเพ็ญประโยชน์และการบำรุงรักษาสถาบันศาสนา
4. การสื่อสารเพื่อรณรงค์การมีจิตสาธารณะของเยาวชน (Communication for campaigning of youth’s public mind)
ยาเสพติด (Drugs )
ยาเสพติด หมายถึง ยาหรือสารเคมี หรือวัตถุชนิดใด ๆ อาจเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือจากการสังเคราะห์ เสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีการกิน ดม สูบ ฉีด หรือวิธีใดๆ ก็ ตาม เป็นช่วงระยะเวลา หรือนานติดกันจนทําให้ร่างกายทรุดโทรม และตกอยู่ใต้อำนาจหรือเป็นทาสของสิ่งนั้นทั้งร่างกายและจิตใจ หรือจิตใจเพียงอย่างเดียว
แบบทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติด
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาด โดยใช้ ให้น้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการใช้ให้ยาวนาน และก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รวมทั้งต้องมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ในสภาพปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมมีความเสื่อมโทรมมากขึ้น ดังนั้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงมีความหมายรวมไปถึงการพัฒนา คุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วย
แบบทดสอบเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
1. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Environmental Protection)
2. สิ่งเเวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต (Environment and Life)
เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy)
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) คือ กรอบแนวคิดเพื่อการปฏิบัติตนโดยยึดหลักทางสายกลาง ความพอเพียง การคำนึงถึงเหตุผล และการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง รวมทั้งให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีขั้นตอนตามหลักความรู้และคุณธรรม
แบบทดสอบเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
1. เศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของในหลวง ร.๙
ภาวะผู้นำ (Leadership)
ภาวะผู้นำ (Leadership) หมายถึง กระบวนการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือมากกว่า พยายามใช้อิทธิพลของตนหรือกลุ่มตน โดยได้รับการยอมรับและยกย่องจากบุคคลอื่นให้เป็นผู้นำในกลุ่มและมีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมของสมาชิกในกลุ่มบุคคลนั้น สามารถกระตุ้น ชี้นำ ผลักดัน ให้บุคคลอื่น หรือกลุ่ม บุคคลอื่น มีความเต็มใจ และกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ตามต้องการ โดยมีความสำเร็จของกลุ่ม หรือองค์การเป็นเป้าหมาย
แบบทดสอบเกี่ยวกับภาวะผู้นำ (Leadership)
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
1. ภาวะผู้นำเชิงพุทธกับจิตสาธารณะ (Buddhist Leadership and Public Mind)
2. ภาวะผู้นำใฝ่บริการ (SERVANT LEADERSHIP)
3. ผู้นำนันทนาการ (Recreation Leadership)
4. ภาวะผู้นําสมัยใหม่ (Modern Leadership)
5. คุณสมบัติของผู้นำ (Leadership qualities)
7. ภาวะผู้นำและการสร้างแรงจูงใจ
การพัฒนาตนเอง
หมายเหตุ ท่านสามารถคลิกชื่อแบบทดสอบเพื่อเชื่อมโยงไปยัง Link ทำแบบทดสอบได้เลยค่ะ
2. การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Time Management)
3. การสื่อสารอย่างมีสไตล์เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี
4. มนุษยสัมพันธ์ (Human Relationships)
5. การพัฒนาบุคลิกภาพ (Personality Development)
6. หลักการคิดเชิงบวก Positive Thinking
7. การพัฒนาตนเองตามแนวพุทธศาสนา (Personality Development Process According to Buddhism)
8. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
9. หลักธรรมาภิบาล (Good Governance)
10. คุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต
11. การพูดในที่ชุมชน Public Speaking
12. มารยาทการปฏิบัติตนในสังคมไทย
13. อิทธิบาท 4 หลักธรรมนำไปสู่ความสำเร็จ
14. อริยสัจ 4 ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
15. การสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ (Resilience Quotient)
--------------------------------------------